วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วิธีเปิดไฟตัดหมอก แบบถูกต้อง

ไฟตัดหมอก   ถือกำเนิดขึ้นมาในแถบประเทศที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง หรือแถบที่อากาศ
หนาว หรือประเทศที่เป็นเกาะล้อมรอบด้วยน้ำ   ทำให้มีฝนตกบ่อยตลอดทั้งปี  มีบรรยากาศที่ขมุกขมัวหรือมีหมอกเป็นส่วนมาก หรือมีหมอกมีฝนมากกว่าเวลาที่อากาศปลอดโปร่ง  ดังนั้น  เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยานพาหนะจึงมีการคิดค้นไฟตัดหมอกขึ้นมา 

ไฟ ตัดหมอกจะใช้ไฟที่ให้ความสว่างสูง  ส่วนใหญ่หลอดจะเป็นสปอตไลท์ ส่องในระนาบขนานกับพื้นถนนหรือตกพื้นในระยะไกล ดังนั้นความสว่างจึงมีมากและไปได้ไกล  เพราะหลอดไฟหน้ามุมจะตกลงพื้นถนน   แต่ไฟตัดหมอกจะส่องขนานไปกับพื้นถนนหรือตัวรถ หลอดไฟหน้าปกติถ้าเปิดส่องในขณะที่หมอกจัดหรือ  ฝนตกหนักเพราะมุมที่เอียงลงจึงทำให้เกิดมุมสะท้อนกลับสู่สายตาของผู้ขับขี่ จึงทำให้แสงที่ส่องผ่านไปมีน้อยหรือมองเห็นแค่ในระยะไม่เกิน 10-15 เมตร  แถมแสบตากับแสงที่สะท้อนกลับ แต่ไฟตัดหมอกที่ส่องแบบขนานพื้นจะไม่สะท้อนมาที่ห้องโดยสารสามารถทะลุทะลวง ได้มาก   และสะท้อนกลับมาก็ในมุมที่ไม่กระทบผู้ขับขี่ ทำให้มองเห็นได้ในระยะมากกว่า 30-80 เมตร ในทำนองเดียวกันเมื่อพื้นถนนเปียกหรือฝนหยุดตกใหม่ๆในตอนกลางคืน    ไฟหน้าปกติที่ส่องลงผิวถนนจะถูกพื้นน้ำสะท้อนออกไปในอีกมุมนึงบางครั้ง เหมือนกับว่าแทบจะมองไม่เห็นผิวถนนด้วยซ้ำไป  แต่ไฟตัดหมอกที่แทบจะไม่ส่องลงพื้นถนนยังสามารถมองเห็นผิวถนนในระยะสายตาได้ อย่างชัดเจน ซึ่งในแถบประเทศเขตเมืองหนาวได้ออกกฏบังคับให้รถทุกคัน  ต้องมีไฟตัดหมอกเป็นอุปกรณ์มาตรฐานความจริงไฟตัดหมอกมีมานานแล้ว แต่ในเมืองไทยยังไม่เป็นที่นิยมเพราะราคาแพงและไม่มีความจำเป็น  จึงมีให้เห็นเฉพาะกับรถนำเข้าจากเขตเมืองหนาวหรือเขตเมืองที่อยู่สูงกว่า ระดับน้ำทะเลมากๆ เท่านั้น  ต่อมาค่านิยมเริ่มเปลี่ยนไป  เพราะการติดไฟตัดหมอกถือว่าเท่และทันสมัย ประกอบกับบราคาที่ถูกลงจึงมีการหาซื้อมาดัดแปลงติดตั้งเพิ่มเติมกัน  แม้แต่รถที่ผลิตในเมืองไทยก็ยังนิยมติดไฟตัดหมอก

 ปัจจุบันคนไทยนิยม ตกแต่งรถด้วยไฟตัดหมอก และมักเปิดใช้อย่างพร่ำเพรื่อ ผิดวิธี  ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้เส้นทางรายอื่นๆ กล่าวคือ  ไฟตัดหมอก  เป็นไฟที่ให้ความสว่างสูง  ส่วนใหญ่หลอดจะเป็สปอตไลท์  จึงสามารถส่องสว่างไปได้ไกล   ซึ่งหากเปิดใช้ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม แสงจากหลอดไฟตัดหมอก จะไปแยงและ    รบกวนสายตาผู้ที่ขับรถสวนทางมา  ทำให้ตาพร่ามัว  จึงมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้สูงกว่าปกติ  ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยตามหลักมาตรฐานสากล กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงขอเสนอแนะให้ผู้ขับรถเปิดใช้ไฟตัดหมอก อย่างปลอดภัยและถูกวิธี โดยให้เปิดใช้ไฟตัดหมอกในกรณีต่างๆ ดังนี้  

1.   ฝนตกปรอยๆ  หรือตกหนัก  ไฟตัดหมอกจะมีประโยชน์มาก  
แม้จะเป็นช่วงกลางวันก็ตามเพราะมันสามารถช่วยให้รถที่สวนมามองเห็นไฟตัดหมอกอย่างชัดเจน
2.   เมื่อขึ้นภูเขาสูงหรือยอดเขา    เช่นภูเรือ-ดอยสุเทพ เป็นต้น   
โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวทั้งตอนเช้าและ  ตอนกลางคืน   เพราะที่สูงๆนั้นหมอกจะมีมากกว่าปกติ
3.   ในช่วงกลางคืนหลังฝนหยุดตกหรือถนนยังเปียกอยู่  ซึ่งไฟตัดหมอกจะช่วยให้ทัศนะวิสัยในการขับขี่
ดีขึ้น  เพราะไฟหน้าปกติของเราถูกน้ำสะท้อนไปเกือบหมดแล้ว
4.   ทุกกรณีที่มีหมอกหรือควันเกิดขึ้นบนท้องถนนที่บดบังทัศนะวิสัยให้มองเห็นได้น้อยกว่า 50 เมตร
5.   ปิดไฟตัดหมองทันทีที่มีรถสวนมา ในระยะที่มองเห็นไฟห้าของรถที่สวนมาได้อย่างชัดเจน 
แม้แต่รถที่มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติก็จะสั่งปิดไฟตัดหมอกคงไว้เฉพาะไฟปกติเมื่อสัญญานจับได้ว่ามีไฟสะท้อนมาในมุมตรงข้าม

สุดท้ายนี้ จะเห็นได้ว่า การใช้ไฟตัดหมอกอย่างถูกวิธี จะก่อให้เกิดประโยชน์และช่วยเพิ่มความปลอดภัย
ใน การใช้รถใช้ถนน ทำให้สามารถมองเห็นรถคันอื่นๆ ได้อย่างชัดเจน  ในทางตรงกันข้าม การเปิดไฟตัดหมอกอย่างพร่ำเพรื่อ ไม่มีมารยาท และผิดวิธี นอกจากจะรบกวนสายตาและสร้างความรำคาญให้กับผู้ขับรถรายอื่นๆ  ที่ร่วมใช้เส้นทางแล้ว ยังเพิ่มโอกาสทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าปกติอีกด้วย   กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงขอให้ท่านเจ้าของรถที่ติดตั้งไฟตัดหมอก เปิดใช้อย่างถูกวิธีและใช้เฉพาะในกรณีที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น ตลอดจนต้องมีความเอื้ออาทร ขับรถอย่างมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทาง ก็จะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยลดอุบัติภัยทางท้องถนนได้....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 

Sample text

Sample Text

 
Blogger Templates