วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ทำอย่างไร ให้ขับรถปลอดภัย ไร้ปัญหาจากฝนฟ้า ไม่เป็นใจ

1.  Shift down GEAR : บนเส้นทางฝน (แม้ยามที่คุณต้องทำความเร็วบนถนนที่เจิ่งนอง) การลดตำแหน่งเกียร์ลงมา     “หนึ่งเกียร์” เสมอ นั่นคือ การเพิ่ม “ Traction = การยึดเกาะ “ ให้แก่รถของคุณเสมอ... ลองดูซิ แล้วคุณจะสัมผัสแรง “     ยึดเกาะ “ ที่เพิ่มมากขึ้นในทันที และช่วยเพิ่มความมั่นใจในเส้นทางฟ้าฝน (ในกรณีรถเกียร์ Auto-matic คุณก็ควรลด D     ลงมาหนึ่งตำแหน่งเกียร์เช่นกัน

2.  ลดลมยาง เพิ่ม “ Groove of tires “ : เป็นเรื่องน่าตกใจ เมื่อคุณได้ทราบว่า “ หน้ายาง “ แต่ละล้อของรถนั้นแตะสัมผัสพื้นผิว     เพียง 4 ตารางนิ้ว เท่านั้น ซึ่งนั่นเท่ากับว่า จุดสัมผัสหน้ายางทั้ง 4 ล้อรวมกัน มันสัมผัสพื้นผิวเพียง 16 ตารางนิ้ว ยิ่งต้องตะบึง     ไปบนเส้นทางฟ้าฝนด้วยแล้ว การยึดเกาะอาจจะลดลงไปถึงครึ่ง ( โดยเฉพาะบนยางเก่าอายุมาก ๆ ) การลดลมยางมาระหว่าง     2-3 PSI ( ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ) เท่ากับว่าคุณกำลงัเพิ่มหน้ายางเพื่อสัมผัสพื้นถนนได้มากขึ้น วิธีนี้ยิ่งใช้ได้ดี หากคุณต้อง     ตะลุยฝนห่าใหญ่ไปนับเป็นชั่วโมง ๆ

3.  Aqua-Planning : อาการ “ เหินน้ำ “ นี้สุดแสนจะอันตรายใกล้มัจจุราช ที่แม้แต่แชมป์โลก F1 หรือทีมวิศวกรผู้ผลิตยาง       ยังพ่ายมานักต่อนัก อาการนี้จะปรากฏทันทีที่คุณทะยานลงสู่แอ่งน้ำ หรือถนนเจิ่งนองด้วยความเร็ว ยิ่งกับยางที่หน้ากว้าง ๆ       ด้วยแล้วอาการ “ เหินน้ำ “ สุดโหดนี้ยิ่งให้ผลชัด ฉะนั้นคิดซะใหม่หากคุณจำไปผิด ๆ ว่ายางหน้ากว้าง ๆ น่าจะเกาะผิวทาง       เปียกได้ดีกว่ายางหน้าแคบ เพราะนั่นคุณกำลังเข้าใจผิดอย่างมหันต์

4.  Soft Tool : คุณอาจไม่ทราบว่าการทำ “ Soft Tool “ : คุณอาจไม่ทราบว่าการทำ “ Soft Tool “ หรือ “ ฉีดสเปรย์ “        ไล่ความชื้นลงไปล่วงหน้าก่อนที่จะบุกน้ำลุยฝนนั้นถือว่าเป็นการทำที่ชาญฉลาด เพราะขณะที่คุณต้องลุยเข้าไปบน        เส้นทางฝนฟ้า แม้รถยนต์ที่ได้ชื่อว่า ไฮ-เทค ก็ไม่อาจจะทนต่อกระแสน้ำที่ซัดมาจากรถใหญ่ ๆ หรือกระบะจอมลุย             ที่ไม่เคยบันยะบันยังไปได้การฉีดสเปรย์สารพัดประโยชน์ เพื่อไล่ความชื้นไว้ล่วงหน้า นั่นเท่ากับว่าคุณได้ “ ห่มคลุม “        เครื่องยนต์ และระบบไฟของรถไว้แล้วอย่างมิดชิด ดังนั้นขั้ว “ Batt “ ( และสายดินขั้วลบ ) วงจรจุดระเบิด สายหัวเทียน        และทุกขั้วไฟ ( Plug-In ) ทั้งหลายจึงควรได้รับการ “ Soft Tool “ ไว้แต่เนิ่น ๆ ครับ

5.  เมื่อรถดับ อย่าเปิดฝากระโปรงทันที ? : เพราะการกระทำเช่นนี้คุณจะเปิดอ้ารับความเปียกชื้นให้เพิ่มทวี เครื่องยนต์       จะสูญเสียความร้อนลงในทันที และคงยากที่ความร้อนระอุภายในจะ “ เผาน้ำ “ ให้ระเหยทิ้งไป การสูญเสียความร้อนใน       ห้องเครื่อง และตัวเครื่องยนต์ในทันที เท่ากับเป็นการยากมากขึ้นเพื่อจะสตาร์ตเครื่องยนต์ครั้งต่อไป จะเป็นประโยชน์       กว่าหากให้เวลาเพื่อใช้ความร้อนสะสมภายในไล่น้ำหรือความชื้นภายในลงไปใน ระดับหนึ่งก่อนจึงค่อยสตาร์ตครั้งใหม

6.  Left Foot Braking… เลียเบรกด้วยเท้าซ้าย : คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่า จานเบรกอันเย็นฉ่ำของคุณพร้อมกับน้ำมันเบรก       ในท่อทางจะยังคงร่วมกันทำหน้าที่ประดุจมือยกษ์ คอยฉุดให้รถหยุด ( ดุจจับวาง ) ในเมื่อ “ นักรถยนต์-Motorist “       ตั้งมากมายในแต่ละปีกลับลืม “ เลียเบรก “  ให้อุ่นหลังขึ้นจากน้ำ หรือท่ามกลางการบุกตะลุยอันเปียกชื้น       ดังนั้นคุณจึงสมควรอย่างยิ่งที่ต้องกระทำหลังบุกขึ้นมาจากน้ำ

7.  นักสะกดรอย... Groove Finder : ใช่... วิชาสะกดรอยที่คุณเคยร่ำเรียนมาเมื่อสมัยลูกเสือ หรือเนตรนารี ใช้ได้ผลเต็มที่ล่ะ       คราวนี้ เพราะคุณควร “ สะกดร่อง หรือ แนวล้อ “ ของรถคันหน้าไว้ดุจโปลิสที่ไล่ตะครุบผู้ร้าย ( แต่ไม่ควรจี้ติดจนเกินไป )       ด้วยระยะ 50-100 เมตร ที่คุณ วิ่งซ้ำ ไปบนแนวยาง ( Groove Tires ) ของคันหน้า นั่นเท่ากับว่าคุณมีรถที่แหวก       ความเปียกชื้นให้จะไม่ดีกว่าหรือ ? ( นักแข่ง F1 ต่างก็เป็นักสะกดรอยยางทั้งนั้นแหละครับ )

8.  No Hazard ! : สัญญานะครับว่า คุณจะไม่เปิด “ ไฟฉุกเฉิน “ พร่ำเพรื่อ ดูจะเป็น “ ลัทธิเอาอย่าง “ โดยปริยายในหมู่ “        มือใหม่หัดขับ “ เมื่อพวกเขาต่าง “ จำอวด “ เปิดไฟกระพริบ-HAZARD กันจ้าละหวั่นเมื่อต้องเข้าตะลุยฝนฟ้า        เพียงแค่เปิดไฟหรี่ หรือ Cornering Lamps เอาไว้ก็เพียงพอแล้วที่จะบอกรถคันอื่น ๆ ว่า “ เฮ้ฝนตกหนัก ทางเจิ่งน้ำ        พวกเราต้องวิ่งไปอย่างช้า ๆ แน่นอนว่าคุณควรปล่อย “ ไฟฉุกเฉิน “ ไว้ให้รถที่มีปัญหา ที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ        หรือไปต่อไม่ได้จะดีกว่าครับ... เชื่อเหอะ

9.  ABS ? : ช่างเป็นโชคเสียนี่กระไร เมื่อคุณได้ควบรถที่มีระบบ ABS ตะลุยไปในเส้นทางฝนฟ้า ด้วยระบบเบรก ABS     พื้นฐานยังเป็นประกันการหยุดอย่างเฉียบพลันพร้อมเสถียรภาพบนเส้นทางฟ้าฝน ( หากเป็นรถยุคเก่ากว่าปี 1996     โจนน้ำเมื่อไร ก็บันยะบันยังไว้บ้าง จะ Safe กว่านะครับ )

10.  Safety Sense : ไม่ว่าคุณจะถูกยกย่องจากใคร ๆ ว่าเป็น... สุดยอด Motorist หรือนักรถยนต์ระดับใด       คุณก็อาจจะต้องตกม้าตายได้ง่าย ๆ หากคุณปราศจาก สำนึกของความปลอดภัยอันถือเป็นสุดยอดคัมภีร์แห่งการขับขี่       ที่สุดยอดนักขับระดับ Top Driver ของโลกไม่ลังเลที่ต้องใช้มัน
<

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 

Sample text

Sample Text

 
Blogger Templates